ลองใช้วิจารณญาณในการรับชมดูนะครับ
EGR ย่อมาจาก(Exhaust Gas Recirculation) ใช้เพื่อการลด NOx (nitrous oxides) ซึ่งเป็นแก๊สพิษ.
NOx
เกิดจากการที่ ไนโตรเจน กับออกซิเจนในอากาศ
มาคลุกเคล้ารวมตัวกันแล้วเกิดการเผาไหม้ในลูกสูบ
โดยช่วงของอุณหภูมิการเผาไหม้สูงกว่า 1,800 C(3,300 F)
วิธีการคือ
กล่อง ECU จะรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างๆ ทั้ง อุณหภูมิแก๊สไอเสีย
ส่วนผสมหนาบาง และอื่นๆอีก แล้วมาประมวลผล ซึ่งถ้า ECU
ตรวจพบว่าสภาวะการเผาไหม้อาจก่อให้เกิด NOx ได้ ก็จะส่งสัญญาณไปสั่งให้ EGR
วาล์วเปิด เพื่อให้แก๊สไอเสียบางส่วนไหลกลับเข้าไปเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง
(คล้ายๆกับการลดประสิทธ์ภาพทางความร้อนจากการเผาไหม้ให้ลดลง)
เพื่อไม่ให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงเกินจุดเปลี่ยน...
ดังนั้นใน
บางจังหวะที่วาล์วมีการเปิดมาก หรือ นานเกินไป
เพื่อให้แก๊สไอเสียวนกลับไปเผาใหม่อีกครั้งมีมากเกินไป
ก็อาจทำให้เกิดควันดำตามออกมาได้...
โดยเฉพาะรถที่วิ่งช้าๆ
แต่ใช้รอบเครื่องต่ำ(ลากเกียร์สูง)นานๆ อย่างในกรณีคล้ายๆรถสองแถว
จะทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงอย่างต่อเนื่อง วาล์วก็จะเปิดนาน
ทำให้เกิดควันดำมากขึ้น แล้วเกิดการสะสมของเขม่า ตามจุดต่างๆในระบบ...
วิธี
การแก้ไขอย่างง่าย...ทำการเร่งเครื่องให้รอบสูงๆ
คล้ายๆการเบิ้ลเครื่องเล่น
แต่ลากยาวๆหน่อยนึงเพื่อให้เกิดการไล่เขม่าและไอเสียเดิมออกไป..
อีกวิธีคือการเข้าศูนย์บริการ ให้ดำเนินการแก้ไขโปรแกรม ECU ใหม่...
การ
อุด EGR วาล์ว ไม่ใช่วิธีที่ถุกต้องในเชิงวิชาการ(หรือเชิงวิทยาศาตร์)
เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดไอพิษจากแก๊ส ด้อยลง
เป็นการเพิ่มหรือเร่งการทำลายสภาวะแวดล้อมโลกเพิ่มขึ้นอีกทางนึงด้วย....
ท่านอาจคิดว่า...เราอุดแค่คันเดียวมันจะกระทบสักเท่าไหร่กัน...
ท่านลองไปยืนท้ายรถที่จอดติดเครื่อง แล้วถามใจท่านดูว่ารู้สึกอย่างไร.
แล้วรถยนต์ในกทม. มีเป็นสิบล้านคัน ถ้าทำอย่างนี้แค่ 5เปอร์เซนต์(ประมาณ 5แสนคัน) ท่านคิดว่าสภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไร....
ทุกอย่าง
อาจไม่เห็นผลกับตัวเราในวันนี้.....แต่แน่ใจหรื
ว่าอยากให้ลูกหลานเราในอนาคต
ต้องมารับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้....................
ท่านยอมเสีย
ประสิทธิภาพของรถยนต์ลงสัก2-3เปอร์เซนเพื่อแลกกับสิ่งดีให้ลูกหลานในอนาคต
หรือท่านอยากได้ความแรงความมันเพิ่มอีกสัก 2-3
เปอร์เซนต์โดยยอมแลกสิ่งดีๆในอนาคตของลูกหลานทิ้งไป....(เพราะเราอาจไม่ได้
อยู่ร่วรับชะตากรรมร้ายกับเขาก็ได้จะไปสนใจทำไมล่ะ...ก็แล้วแต่ศรัทธา
ครับ....)
ที่ผ่านมาได้มีการคิดค้นวิธีในการลดมลพิษต่างๆ
วิธีหนึ่งคือการใช้ระบบหมุนเวียนไอเสีย Exhaust Gas Recirculation (EGR)
ซึ่งในครั้งแรกการใช้ EGR
ก็เพื่อจะนำความร้อนจากไอเสียเวียนกลับเข้ามาในเครื่องยนต์
ช่วยให้อุณหภูมิของไอดีสูงขึ้นในกระบวนการเผาไหม้ จึงเป็นการประหยัดพลังงาน
แต่ประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มเติมก็คือสามารถลดออกไซด์ของไนโตรเจน (NOX)
ได้ด้วยซึ่งก๊าซนี้เป็นอันตรายต่อปอดและระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ ในปี
ค.ศ.2002 ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา US
Environmental Protection Agency หรือ EPA ได้กำหนดให้ลด NO X ลงอีก 50 %
จากมาตรฐานปี ค.ศ 1998 ( จาก 4.0 เป็น 2.0 g / Break Horse -hr.) และ
มาตรฐานมลพิษของประเทศอื่นๆ ก็มีแนวโน้มในการลด NO X มากขึ้น
จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลส่วนใหญ่จำเป็นต้องติดตั้งระบบ EGR มากขึ้น
แต่ระบบ EGR มีข้อเสียคือความร้อนและสิ่งสกปรกที่เวียนกลับมากับไอเสีย
ทำให้เครื่องยนต์มีคราบเขม่าเกาะจับ
และน้ำมันเครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงเสื่อมสภาพเร็ว
อีกทั้งมีธาตุกำมะถันและไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่บางส่วน
ทำให้แปรสภาพเป็นกรด เกิดสนิมและเครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น
ดังนั้นน้ำมันเครื่องที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้ง EGR
นี้จะต้องมีความคงทน และ คุณสมบัติพิเศษในการกำจัดสิ่งสกปรก
กรดหรือป้องกันสนิมได้ดียิ่งขึ้น