ขอความรู้เรื่อง "แก๊ส" เปลี่ยบเทียบกับ "น้ำมัน" หน่อยครับ

เมื่อวันก่อนผมไปสัมภาษณ์งานมา โดนถามเรื่อง

รถยนต์ที่ใช้แก๊ส กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ในสถาวะที่เครื่องยนต์สมบรูณ์ทั้ง 2 แบบ

แบบใดมีมี "กำลัง" มากกว่า เพราะ อ่ะไร / น้อยกว่า เพราะอะไร



ขอแบบวิชาการ นิดๆ นะครับ เพราะว่าผมอธิบาย เค้าแบบวิชาการไม่ได้.....

นั่ง ทำหน้ามึน จิครับ ........ 555+



ผมเซงตัวเองมากเลย เรียนจบมาสาขานี้ ไปสัมภาษาณ์งาน โดนถามมาง่ายๆ ตอบไม่ได้ เฮ้อ!

เอาแบบวิชาการเลยหน่ะ















พี่ไม่มีหรอก

แต่จะประมาณว่า

ก็าซ LPG จะมีค่าออกเทนสูงกว่า น้ำมัน จุดระเบิดไก้กำลังมากกว่าน้ำมัน

ประมาณเนี๊ยอ่ะ รอผู้รู้มาตอบอีกทีละกันนะน้อง

อิอิ ผมก็ตอบเค้าประมาณนี้แหละพี่ X ผมบอกว่าค่าความร้อน LPG มันสูงกว่า .........




แต่ในระหว่างผมตอบ ผมก็นึกไปถึงตอนที่พี่พาผมซึ่งอ่ะ

ที่พี่วิ่งสับ น้ำมัน กับ แก็ส ให้ผมดูแล้วบอกว่า เวลาใครมาเล่นด้วย พี่ก็สับน้ำมันเล่นกับมัน.........

แบบนี้แสดงว่าน้ำมันน่าจะวิ่งดีกว่า ...............



พอผมนึกได้ ผมก็เลยลังเลใจไงครับ ว่าจะตอบแบบไหนดี ................

จูนแก๊สบาง เน้นประหยัดเว้ยยยยยยยย

แก๊ส เนี่ย ถ้าจูนดีๆวิ่งก่าน้ำมันอีกนะ

เหรอออออ

อันดับแรก อ๊อกเทน ของแก็ส กับน้ำมัน มีค่าเท่าไร ?
1 น้ำมัน = 91 - 95
2 แก็ส NGV ~ 120 RON
3 แก็ส LPG ~ 105 RON
หมายเหตุ
1. ค่าออกเทน (Octane number) หมายถึง หน่วยการวัดความสามารถ ในการต้านทานการน็อคของเครื่องยนต์ 2. RON (Research Octane Number) เป็นค่าออกเทนที่มีประสิทธิภาพต่อต้านการน็อคในเครื่องยนต์หลายสูบ ที่ทำงานอยู่ในรอบของช่วงหมุนต่ำ โดยใช้เครื่องยนต์ทดสอบมาตรฐานภายใต้สภาวะมาตรฐาน 600 รอบ ต่อนาที 3. MON (Motor Octane Number) เป็นค่าออกเทนที่มีประสิทธิภาพต่อต้านการน็อคในเครื่องยนต์หลายสูบ ในขณะทำงานที่รอบสูง โดยใช้เครื่องยนต์ทดสอบมาตรฐานภายใต้สภาวะมาตรฐาน 900 รอบต่อนาที

ที่มา:การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย

ส่วนใครให้กำลังมากกว่า ขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายตัว
อัตราส่วนผสมของเชื้อเพลิง
แรงอัดในกระบอกสูบ
ประเภทของเชื้อเพลิง
อื่นๆ

เดี๋ยวเดือนหน้าผมติดแก็ส คงได้ลองเปรียบเทียบครับ

อย่า งง กันนะครับ

กำลัง หรือ Power กับ Octane ไม่เกี่ยวกันนะครับ

Octane ไม่ได้ช่วยให้ เครื่องแรงขึ้นนะครับ

Octane บอกแค่ว่า น้ำมันตัวนั้น ต้านทานการชิงจุดระเบิดได้ดี ขนาดไหน

เครื่องยนต์ ออกแบบมาให้ใช้ 91 เราไป เติม 95 ก็ไม่ได้แรงขึ้นนะครับ

แต่ที่เห็นรถ ซิ่งๆ ต้องใช้ Octane สูงๆ เพราะเค้า Modify เครื่องให้ มีกำลังอัดสูงขึ้น เพื่อที่จะเกิดแรงไปหมุน Crank Shaft มากขึ้น

ใช้น้ำมัน Octane น้อยๆ ไม่ได้ เพราะมันจะชิงจุดระเบิด

เพราะงั้น ค่า Octane ไม่เกี่ยวนะครับ

นี่เกี่ยว จิงๆ จังๆ คือ ค่าพลังงานความร้อน ที่ น้ำมัน หรือ ก๊าซ นั้น ให้ออกมาเมื่อถูกสันดาบ ครับ

ขยายความเข้าใจ อีกนิดหน่อย เกี่ยวกับ Octane

ค่า Octane สูงๆ ไม่ได้ หมายความว่า สิ่งนั้น ให้ ค่าความร้อนที่สูงกว่า เสมอไปนะครับ

ค่า Octane ตามที่ คุณเชาว์ บอกนั้น ถูกต้องครับ

น้ำมัน ถูก กำหนดที่ 91-95

NGV ประมาณ 120 เน้น นะครับ ว่า ประมาณ NGV ถูกส่งมาจากหลายที่ บางที่ คุณภาพแย่ มาก ขนาด Octane 80 ก็มีครับ

LPG ประมาณ 105 เหมือนกัน ครับ บางที่ ต่ำมากก็มี ครับ

ส่วนเรื่องกำลัง ใครมีมากกว่า ใคร

ลองไปหาค่า Heating Value ของ เชื้อเพลิงแต่ละชนิด มาครับ

ค่าที่ได้ จะมีหน่วย เป็น ปริมาณความร้อนต่อมวล หรือปริมาณความร้อนต่อปริมาตร

ขึ้นอยู่กับ สถานะของ เชื้อเพลิง ขณะ ให้ความร้อน

LPG ก็ จะเป็น ก๊าซ น้ำมันก็จะเป็นของเหลว

เอาค่าที่ได้มา แปลงให้อยู่ใน ปริมาตร หรือ มวล ในค่าที่เหมือนกัน

ก็จะรู้เอง ว่า ในปริมาณ เท่ากัน อะไร ให้ ความร้อนมากกว่า กัน



เช่น เทียบ น้ำมัน 1 ลิตร กับ LPG 1 ลิตร หรือ น้ำมัน 1 Kg. กับ LPG 1 Kg.

ถ้าคำนวณแล้ว จะ รู้ว่า เราควรใช้ อะไร

คำถาม ง่ายๆ จริงหรอ ครับ

ผมว่า ไม่เห็นง่ายเลย ยากนะครับ

ท่าทาง สัมพาษณ์ เข้า บ. รถยนต์ แหงๆเลย

ช่ายเเล้วครับพี่เก่ง

ผมผ่านที่ ISUZUพระประแดง รอบเเรกครับ รอบสอง เงียบเลย........ บอกรอเรียกสัมภาษณ์

ส่วนคำถามเรื่องแก๊สนี้ ผมโดนที่ Energy Reform ครับ



แต่ถ้าผมจำไม่ผิด ค่าความร้อนของ LPG น่าจะมากกว่า เบนซิล นะครับ

เดี๋ยวผมคงต้องไปหาไฟล์วิชา Lab Bomb มาทบทวนซะละ



ปล.ขอบคุณพี่ๆนะครับ สำหรับคำตอบ

ใช่แล้วครับ

Heating Value ของ LPG มากกว่า Gasoline ครับ

แต่ก็ ขึ้นอยู่กับ ปริมาณ Propane และ Butane ด้วยครับ

ขอบคุณครับ

จริงหรือ คุณเก่ง ที่แก็สแต่ละที่ ออกเทนไม่เท่ากัน
อย่างนี้ถ้าเราไปเจอปั้มที่ < 80 ก็งานเข้าสิครับ

ขึ้นอยู่กับ ส่วนผสมของมีเทนครับ

ตอนนี้ เท่ากันซะส่วนใหญ่แล้วครับ

ใช่ว่าจะเป็นแต่ เอ็นจีวี

แอลพีจี ก็เป็นครับ

เก็บความรู้ดีก่า ^^

มึนตึบ

ผมขอตอบแนวเคมีละกันนะ แต่ไม่วิชาการมาก และเอาเท่าที่จำได้สมัยเรียนซึ่งก็คืนอาจารย์หลังสอบเกือบหมด

คือในการเผาไหม้ของน้ำมันกับอากาศ (อ๊อกซิเจน:O2) เพื่อให้ได้พลังงานถีบลูกสูบไปหมุนเพลาข้อเหวี่ยง ถ้าว่ากันไปตามทฤษฎี(ของผมเองนะ 555) น้ำมันแก๊สโซลีน (เบนซิล) ก็น่าจะให้พลังงานตรงนี้มากกว่าหากการเผาไหม้สมบูรณ์เป็นไปตามทฤษฎี เพราะแก๊สโซลีนมีส่วนประกอบของคาร์บอนอะตอมเยอะกว่า LPG โดยทั่วไปแล้วแก๊สโซลีนมีส่วนประกอบหลายอย่างซึ่งมีจำนวนคาร์บอนอะตอมโดยประมาณ 6 ขึ้นไป แต่ไม่เกิน 12 ขณะที่ LPG มีไม่เกิน 4 (Butane)

ผมขอยกตัวอย่างหนึ่งส่วนผสมที่มีในแก๊สโซลีน นั่นคือ Benzene (แต่ไม่ใช่เบนซิลนะ)ปฏิกิริยาการเผาไหม่เป็นดังนี้
C6H6 + 7.5O2 => 6CO2 + 3H2O + พลังงาน(Heat)
การเผาไหม้น้ำมันกับอากาศถ้าปฏิกิริยาสมบูณร์(เผาไหม้หมดจด) จะต้องได้คาร์บอนไดออกไซด์กับน้ำเสมอ

ขณะที่ LPG มีส่วนผสมอยู่ 2 อย่างคือ Propane (C3H8) กับ Butane (C4H10)ในอัตราส่วนประมาณ 70:30 ไปจนถึง 60:40 แล้วแต่ที่/ปั๊ม และปฏิกิริยาการเผาไหม้ของทั้งสองตัวเป็นดงนี้

Propane
C3H8 + 5O2 => 3CO2 + 4H2O + heat
Butane
C4H10 + 6.5O2 => 4CO2 + 5H2O + Heat

เมื่อเทียบกันทั้ง 3 สมการจะเห็นได้ว่าเพื่อให้การเผาไหม้สมบูรณ์แต่ละตัวนั้น แก๊สโซลีนต้องใช้ อากาศมากที่สุด

แต่ในความเป็นจริงคือ
- เครื่องยนต์ไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงอะไรก็อยู่ในสภาวะอากาศเดียวกันคือมีอ๊อกซิเจนอยู่ประมาณ 21% เท่านั้น
- เครื่องยนต์ตัวเดียวกันไม่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงอะไร ความสามารถในการดูดอากาศเข้าห้องเผาไหม้เท่ากัน

นั่นหมายความว่า
- เชื้อเพลิง LPG มีแนวโน้มที่จะเผาไหม้แล้วให้พลังงานมากกว่า เผาไหม้หมดจดกว่า และเกิดแก๊สคาร์บอนมอนอกไซด์ (มีพิษและเกิดจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์)น้อยกว่า
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคือการจ่ายเชื้อเพลิงต้องเป็นไปตาม ทฤษฎี Lamda=1 (14.7:1) ในทุกความเร็วรอบ ตั้งแต่รอบเดิบเบายันเร่งเครื่อง
- เครื่องยนต์ความจุเท่ากันหากมีเทอร์โบ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงดีเซลและแก๊สโซลีน จะช่วยให้เกิดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงได้คุ้มค่ามากกว่า คือเผาไหม้หมดจดว่า แน่นอนว่าจะแรงกว่าและความร้อนในเครื่องยนต์ก็สูงกว่าด้วยหากใช้ระบบระบายความร้อนเท่ากัน

อีกหนึ่งความรู้คือ ค่า heat of combustion ของเชื้อเพลิง LPG มากกว่า แก๊สโซลีน แต่พลังงานทีใช้ในการถีบลูกสูบไม่ใช่พลังงานความร้อน แต่เป็นพลังงานจากแรงระเบิดจากการเผาไหม้
ในการจุดระเบิดครั้งหนึ่ง ทำให้เกิดการเผาไหม้ในเสี้ยววิ เกิดแรงระเบิดดันลูกสูบให้เคลื่อนที่ และเกิดความร้อนตามมา หากแรงระเบิดทั้งหมดนั้นได้ไปดันให้ลูกสูบเคลื่อนที่จนสุดกำลัง ความร้อนสะสมก็จะมีน้อย สังเกตได้ว่ารถขนาดเดียวกันที่มีโหลดเยอะๆเครื่องยนต์จะร้อนมากกว่ารถทีมีโหลดน้อย

ปล. คนเขียนอ่านเองแล้วแอบมีงงด้วย 5555

ความรู้ทั้งนั้นเยย

ว้าววว

ขอบคุณ ทุกคำตอบนะครับ

ผมจะพยาม สรุปๆ และเก็บไว้เป็นความรู้

เผื่อตอนสัมภาษณ์โดนอีก 55+

ความรู้ทั้งนั้น อ่านจนงงเลย ผมก็เพิ่งไปติดแก๊สมา มีใครช่วยแนะนำการจูนบ้างได้ไหมครับ

nuinv พิมพ์ว่า:

ความรู้ทั้งนั้น อ่านจนงงเลย ผมก็เพิ่งไปติดแก๊สมา มีใครช่วยแนะนำการจูนบ้างได้ไหมครับ

แบบดูดหรือหัวฉีดครับ ถ้าแบบดูดอาจพอถูไถช่วยแนะนำได้จากประสบการณ์ลองผิดลองถูกตัวผมเอง